ผู้อำนวยการกองฯ ได้ลงพื้นที่ติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน ในพื้นที่ ที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินของรัฐ (คทช.)
เมื่อวันที่ 19–20 ตุลาคม 2568 นายบรรจง ชัยขุนพล ผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบสนับสนุนการสหกรณ์ พร้อมด้วยนายวัชระ กวีศรีเดชา รักษาราชการในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งเสริมงานสหกรณ์ และคณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน การส่งเสริมพัฒนาอาชีพภายใต้โครงการส่งเสริมพัฒนาอาชีพเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน ในพื้นที่ ที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินของรัฐ (คทช.) ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จังหวัดพะเยาและจังหวัดพิษณุโลก เพื่อ ติดตามความก้าวหน้าในการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพและการตลาดของเกษตรกร รวมทั้งประเมินผลการดำเนินงานและแนวทางพัฒนาเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในอนาคต
ในวันที่ 19 ตุลาคม 2568 คณะได้ลงพื้นที่ติดตามงานในพื้นที่ ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่จุน ณ สหกรณ์การเกษตรพัฒนาแม่จุน จำกัด อำเภอจุน จังหวัดพะเยา โดยมีเจ้าหน้าที่จาก สำนักงานสหกรณ์จังหวัดพะเยา ให้การต้อนรับและร่วมติดตามงาน โดยคณะได้ประชุมหารือกับ ประธาน กรรมการ และผู้แทนสหกรณ์การเกษตรพัฒนาแม่จุน จำกัด เพื่อรับฟังข้อมูลผลการดำเนินงาน ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการส่งเสริมอาชีพของสมาชิกในพื้นที่ คทช. พร้อมทั้ง ลงพื้นที่เยี่ยมชมแปลงเกษตรของสมาชิกสหกรณ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับการจัดสรรสำหรับการอยู่อาศัยและประกอบอาชีพในรูปแบบ เกษตรผสมผสาน เช่น การปลูก แตงโม ทุเรียน ข้าว ลำไย รวมถึงการ แปรรูปผลผลิตทางการเกษตรเป็นผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า และมี บ่อเลี้ยงปลา เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกร
สำหรับวันที่ 20 ตุลาคม 2568 คณะได้ลงพื้นที่ติดตามงานใน ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขากระยาง จังหวัดพิษณุโลก โดยมีเจ้าหน้าที่จาก สำนักงานสหกรณ์จังหวัดพิษณุโลก ให้การต้อนรับและร่วมลงพื้นที่ คณะได้ประชุมหารือกับ กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางบ้านแยง เพื่อรับฟังความคิดเห็นและความต้องการในการพัฒนาอาชีพ พร้อมแลกเปลี่ยนแนวทางการรวมกลุ่มและบริหารจัดการผลผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ จากนั้นคณะได้ เยี่ยมชมแปลงเกษตรของสมาชิกกลุ่มเกษตรกร ซึ่งประกอบด้วย สวนทุเรียนและสวนยางพารา ที่ดำเนินการภายใต้แนวทางเกษตรผสมผสาน เพื่อเพิ่มรายได้ ลดความเสี่ยง และสร้างความมั่นคงในการประกอบอาชีพในพื้นที่ คทช.
และในการลงพื้นที่ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาอาชีพและสร้างความมั่นคงให้เกษตรกรในพื้นที่ คทช. อย่างเป็นรูปธรรม และยังเป็นตัวอย่างของการผสมผสานระหว่างการจัดที่ดิน การพัฒนาอาชีพ และการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ซึ่งคาดว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้พื้นที่อื่น ๆ นำแนวทางนี้ไปปรับใช้ สร้างคุณภาพชีวิตและความมั่นคงให้เกษตรกรทั่วประเทศต่อไป
